150-300 บาทพร้อมส่ง

ปิดแล้ว



No85 / 350 บาท

เหรียญหลวงพ่อนิมิตร 7 สี เสาร์ 5 หลวงพ่อแก้วมณีงาม วัดชิโนรส ปี 2512 กรุงเทพฯ

จัดสร้างโดย พระปลัดมานพ วัดชิโนรสาราม กรุงเทพฯ พิธีพุทธาภิเษก 22 - 31 ส.ค.2512 จัดเป็นชุดพระเครื่องที่มีรูปแบบสวยงาม พิธีใหญ่ มีพระเกจิดังๆ ร่วมปลุกเสก อาทิ
หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง
อาจารย์นำ วัดดอนศาลา
หลวงพ่อมิ่ง วัดกก ธนบุรี
หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม
หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
หลวงพ่อดี วัดพระรูป เป็นต้น

 

No86 / 350 บาท

เหรียญมั่งมี ศรีสุข วัดชิโนรส ปี 2512 กรุงเทพฯ

จัดสร้างโดย พระปลัดมานพ วัดชิโนรสาราม กรุงเทพฯ พิธีพุทธาภิเษก 22 - 31 ส.ค.2512 จัดเป็นชุดพระเครื่องที่มีรูปแบบสวยงาม พิธีใหญ่ มีพระเกจิดังๆ ร่วมปลุกเสก อาทิ
หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค
หลวงพ่อกวย วัดโฆษิตาราม
หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี
หลวงพ่อสุข วัดโพธิ์ทรายทอง
อาจารย์นำ วัดดอนศาลา
หลวงพ่อมิ่ง วัดกก ธนบุรี
หลวงพ่อเที่ยง วัดม่วงชุม
หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม
หลวงพ่อดี วัดพระรูป เป็นต้น

 

82,83,84,85

 

ขอบคุณครับพี่

 

ปิดจองแล้วครับ


No87 / 350 บาท
พระผงเจ้าคุณนร ปี2516 ฝังจีวร
ชุดพระผงรูปเหมือนเจ้าคุณนรฯ(โรยเกศา+ฝังปฐวีธาตุ+ฝังจีวร) วัดโบถส์ จ.ปทุมธานี องค์พระมีขนาด 1.9 x 2.9 cm จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2516 มวลสารหลักคือผงพุทธคุณพ่อปู่เทียน รวมถึงเกศา จีวร พระปฐวีธาตุท่านเจ้าคุณนรฯ โดยได้รับการปลุกเสกจาก หลวงพ่อพรหม วัดช่องแค และหลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี ซึ่งประวัติแห่งพระพ่อแม่ธรณีปฐวีธาตุมีดังนี้ ท่านปลัดโกศล(หลานท่านเจ้าคุณนรฯ) เล่าประวัติให้ฟังว่า ถือเป็นของขวัญชิ้นสุดท้ายที่ท่านเจ้าคุณนรฯได้มอบไว้ให้ครอบครัวของท่าน ปกติท่านเจ้าคุณนรฯมิได้สนใจเรื่องเครื่องรางต่างๆเลย แต่เนื่องจากมีผู้อื่นขออนุญาตท่านสร้างพระ และเครื่องรางต่างๆ ให้ท่านอธิษฐานจิตให้ ซึ่งต่างจากการสร้างพระปฐวีธาตุอย่างสิ้นเชิง เพราะเป็นดำริของท่านเจ้าคุณนรฯเอง เหมือนท่านจะรู้ซึ่งอายุขัยของตัวเอง ท่านจึงสั่งให้ท่านปลัดโกศล(หลานชาย) เป็นธุระในการจัดหาก้อนกรวด โดยท่านเป็นคนระบุเองว่าต้องเป็นก้อนกรวดของ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการเท่านั้น ท่านอธิบายว่าทำไมต้องบางบ่อ ก็เพราะชื่อบางบ่อ เป็นชื่อมงคล เปรียบเสมือน บ่อเงิน บ่อทอง และถือเคล็ดคำว่า “สมุทรปราการ” เนื่องจากมีความหมายว่า เป็นเกราะป้องกันภยันตรายต่างๆได้ บางครั้งท่านเรียกว่า “เพชร-พลอย” โดยการปลุกเสกท่านเจ้าคุณนรฯได้ทำพิธีในพระอุโบสถ วัดเทพศิรินทราวาส วันที่ 4-7 มกราคม 2514 ซึ่งมีจำนวนไม่มาก(หลักร้อย) ท่านอธิบายกับปลัดโกศลว่าเป็นของดีมีคุณค่ามาก เรียกว่า “ พระพ่อแม่ปฐวีธาตุ” หมายความว่ามีจิตเมตตา ถึงใครจะเหยียบย่ำทำสิ่งใดก็ไม่ว่า ประดุจพ่อแม่ที่รักลูก จะมีแต่เมตตากรุณาต่อลูกทุกคน แม้ลูกทำผิดก็อภัยให้ ฉะนั้นก้อนกรวดนี้จึงมีอนุภาพศักดิ์สิทธิ์มาก หากมอบกับใคร ก็จงให้แก่ผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาเท่านั้น เพราะมีค่ามากกว่าเพชร-พลอย แต่มีประโยคที่ทำให้ท่านปลัดตื่นเต้นมากนั้นก็ คือ ท่านเจ้าคุณนรฯท่าน กล่าวถึงพลานุภาพของพระปฐวีธาตุว่า “ก้อนกรวดนี้ขลังมาก สามารถคุ้มครองป้องกันนิวเคลียรืได้อีกด้วย และยังป้องกันไฟได้ด้วย

 

ขอจองครับ

 

ขอบคุณครับ

 

No88 / 350 บาท

พระเนื้อผงน้ำมันรูปเหมือน พระอาจารย์ธรรมโชติ วัดท่าวนธรรมรังสี (วัดท่าวน) อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ปี 2519 หลังยันต์ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท ร่วมปลุกเสก

ด้านหลังเป็นยันต์วรรคเเรกของบทพระไตรสรณคมน์ พุท ธัง สะ ระ นัง คัจ ฉา มิ ลงเเบบยอดเจดีย์ ถอดออกทีละตัวเรียงขึ้นไปจนเหลือ มิ บนสุดเป็น อุณาโลม จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2519 เนื่องในโอกาสฉลองพระอุโบสถวัดท่าวนธรรมรังษี เกจิที่ปลุกเสกคือชุดเดียวกับพระเกจิที่ปลุกเสก พระเครื่องวัดพระปรางค์

รายนามพระคณาจารย์ที่ร่วมเศก อาทิ

1.หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์

2.หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม

3.หลวงพ่อเจ้ย วัดห้วยเจริญสุข

4.หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม เป็นต้น

เนื้อผงน้ำมันออกแก่ผง องค์นี้เนื้ออมเขียว ด้านหลังเป็นยันต์พระไตรสรณคมน์ พุท ธัง สะ ระ นัง คัจ ฉา มิ

วัตถุมงคลวัดท่าวนธรรมรังสี (วัดท่าวน) จ.สิงห์บุรี ปี 2519 รุ่นนี้ มีทั้งเป็นเหรียญ พระผงรูปเหมือน พระอาจารย์ธรรมโชติ และพระสมเด็จ เป็นวัตถุมงคลที่หลวงพ่อกวยปลุกเสกนอกวัดที่น่าบูชา

ประวัติพระอาจารย์ธรรมโชติ วัดท่าวนธรรมรังษี อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี

พระอาจารย์ธรรมโชติ เดิมชื่อ " โชติ" ครั้นบวชแล้วได้ฉายา "ธรรมโชติรังษี" เกิดในแผ่นดินสมเด็จพระเพทราชา กรุงศรีอยุธยา บวชที่วัดยาง บ้านแสวงหา แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ จำพรรษาที่วัดเขาขึ้น อยู่ที่เขานางบวช แขวงเมืองสุพรรณบุรี พระอาจารย์ธรรมโชติ ไปธุดงค์ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ศึกษาวิชากสิณ มีความสามารถทางวิชาอาคม เป็นที่นับถือชาวบ้าน ขณะที่ชาวบ้านบางระจันรวมตัวกันต่อสู้กับพม่าอยู่นั้น ชาวบ้านได้ไปนิมนต์พระอาจารย์ธรรมโชติมาจำพรรษา ที่วัดโพธิ์เก้าต้น เพื่อหวังยึดท่านเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับพม่าอย่างกล้าหาญ ชาวบ้านบางระจันต่อสู้กับข้าศึก โดยไม่มีผู้นำเป็นทหาร และขาดแคลนอาวุธในการทำสงคราม มีแต่ความเชื่อมั่นในวิชาอาคมของพระอาจารย์ธรรมโชติ ทำให้ชาวบ้านบางระจันสามารถต่อสู้กับพม่าจนได้รับชัยชนะถึง 7 ครั้ง เมื่อชาวบ้านบางระจันพ่ายแพ้ต่อพม่าในการสู้รบครั้งที่ 8 พระอาจารย์ธรรมโชติซึ่งตอนนั้นอายุ 66 พรรษา ไปจำพรรษาอยู่ที่ใดไม่ปรากฏ ปัจจุบันมีเรื่องเล่าว่าครั้นเมื่อบ้านเมืองสงบลงพระอาจารย์ธรรมโชติ ได้เดินทางกลับมาจำพรรษาที่วัดหลายปีจึงมรณภาพ

พระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านวิทยาคม เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาคมบำรุงขวัญแก่ วีรชนชาวบ้านบางระจัน ไว้ต่อสู้กับพม่า

ปัจจุบันทางราชการได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระอาจารย์ธรรมโชติ มีขนาดเท่าตัวจริง ประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุข ในบริเวณวัดโพธิ์เก้าต้น (วัดไม้แดง) เพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่คนรุ่นหลังต่อไป

วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ ที่ตั้ง วัดโพธิ์เก้าต้น หมู่ที่ 8 ต.บางระจัน อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี

ซึ่งพระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นพระสงฆ์ที่ชาวบางระจันภูมิใจอย่างสูง หรือแม้แต่ชาวไทยยังได้สดับรับฟังเกียรติคุณของท่านในศึกบางระจัน ครั้งเสียกรุง ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ที่ยืนยันเป็นหลักฐานของความเป็นเกจิอาจารย์ที่เก่าแก่ที่สุดท่านนึง โดยไม่ใช่นิทานเล่ากันปรัมปรา ดังนั้นวัตถุมงคลรุ่นนี้ดีไม่แพ้รุ่นอื่นเป็นแน่ ด้วยเหตุผล คือ นอกจากเป็นรูปเหมือนของพระอาจารย์ธรรมโชติ แล้วยังได้รับการปลุกเสกจากหลวงพ่อกวยอีกด้วย

 

No89 / 350 บาท

พระเนื้อผงน้ำมันรูปเหมือน พระอาจารย์ธรรมโชติ วัดท่าวนธรรมรังสี (วัดท่าวน) อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี ปี 2519 หลังยันต์ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท ร่วมปลุกเสก

องค์นี้แปลก ด้านหลังกดยันต์ลงไม่จม แค่เป็นรอยให้เห็น แต่แท้

ด้านหลังเป็นยันต์วรรคเเรกของบทพระไตรสรณคมน์ พุท ธัง สะ ระ นัง คัจ ฉา มิ ลงเเบบยอดเจดีย์ ถอดออกทีละตัวเรียงขึ้นไปจนเหลือ มิ บนสุดเป็น อุณาโลม จัดสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2519 เนื่องในโอกาสฉลองพระอุโบสถวัดท่าวนธรรมรังษี เกจิที่ปลุกเสกคือชุดเดียวกับพระเกจิที่ปลุกเสก พระเครื่องวัดพระปรางค์

รายนามพระคณาจารย์ที่ร่วมเศก อาทิ

1.หลวงพ่อทอง วัดพระปรางค์

2.หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม

3.หลวงพ่อเจ้ย วัดห้วยเจริญสุข

4.หลวงพ่อจวน วัดหนองสุ่ม เป็นต้น

เนื้อผงน้ำมันออกแก่ผง องค์นี้เนื้ออมเขียว ด้านหลังเป็นยันต์พระไตรสรณคมน์ พุท ธัง สะ ระ นัง คัจ ฉา มิ

วัตถุมงคลวัดท่าวนธรรมรังสี (วัดท่าวน) จ.สิงห์บุรี ปี 2519 รุ่นนี้ มีทั้งเป็นเหรียญ พระผงรูปเหมือน พระอาจารย์ธรรมโชติ และพระสมเด็จ เป็นวัตถุมงคลที่หลวงพ่อกวยปลุกเสกนอกวัดที่น่าบูชา

ประวัติพระอาจารย์ธรรมโชติ วัดท่าวนธรรมรังษี อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี

พระอาจารย์ธรรมโชติ เดิมชื่อ " โชติ" ครั้นบวชแล้วได้ฉายา "ธรรมโชติรังษี" เกิดในแผ่นดินสมเด็จพระเพทราชา กรุงศรีอยุธยา บวชที่วัดยาง บ้านแสวงหา แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ จำพรรษาที่วัดเขาขึ้น อยู่ที่เขานางบวช แขวงเมืองสุพรรณบุรี พระอาจารย์ธรรมโชติ ไปธุดงค์ในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้ศึกษาวิชากสิณ มีความสามารถทางวิชาอาคม เป็นที่นับถือชาวบ้าน ขณะที่ชาวบ้านบางระจันรวมตัวกันต่อสู้กับพม่าอยู่นั้น ชาวบ้านได้ไปนิมนต์พระอาจารย์ธรรมโชติมาจำพรรษา ที่วัดโพธิ์เก้าต้น เพื่อหวังยึดท่านเป็นกำลังใจในการต่อสู้กับพม่าอย่างกล้าหาญ ชาวบ้านบางระจันต่อสู้กับข้าศึก โดยไม่มีผู้นำเป็นทหาร และขาดแคลนอาวุธในการทำสงคราม มีแต่ความเชื่อมั่นในวิชาอาคมของพระอาจารย์ธรรมโชติ ทำให้ชาวบ้านบางระจันสามารถต่อสู้กับพม่าจนได้รับชัยชนะถึง 7 ครั้ง เมื่อชาวบ้านบางระจันพ่ายแพ้ต่อพม่าในการสู้รบครั้งที่ 8 พระอาจารย์ธรรมโชติซึ่งตอนนั้นอายุ 66 พรรษา ไปจำพรรษาอยู่ที่ใดไม่ปรากฏ ปัจจุบันมีเรื่องเล่าว่าครั้นเมื่อบ้านเมืองสงบลงพระอาจารย์ธรรมโชติ ได้เดินทางกลับมาจำพรรษาที่วัดหลายปีจึงมรณภาพ

พระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านวิทยาคม เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิทยาคมบำรุงขวัญแก่ วีรชนชาวบ้านบางระจัน ไว้ต่อสู้กับพม่า

ปัจจุบันทางราชการได้สร้างอนุสาวรีย์ของพระอาจารย์ธรรมโชติ มีขนาดเท่าตัวจริง ประดิษฐานอยู่ในวิหารจตุรมุข ในบริเวณวัดโพธิ์เก้าต้น (วัดไม้แดง) เพื่อเป็นที่เคารพสักการะแก่คนรุ่นหลังต่อไป

วิหารพระอาจารย์ธรรมโชติ ที่ตั้ง วัดโพธิ์เก้าต้น หมู่ที่ 8 ต.บางระจัน อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี

ซึ่งพระอาจารย์ธรรมโชติ เป็นพระสงฆ์ที่ชาวบางระจันภูมิใจอย่างสูง หรือแม้แต่ชาวไทยยังได้สดับรับฟังเกียรติคุณของท่านในศึกบางระจัน ครั้งเสียกรุง ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์ที่ยืนยันเป็นหลักฐานของความเป็นเกจิอาจารย์ที่เก่าแก่ที่สุดท่านนึง โดยไม่ใช่นิทานเล่ากันปรัมปรา ดังนั้นวัตถุมงคลรุ่นนี้ดีไม่แพ้รุ่นอื่นเป็นแน่ ด้วยเหตุผล คือ นอกจากเป็นรูปเหมือนของพระอาจารย์ธรรมโชติ แล้วยังได้รับการปลุกเสกจากหลวงพ่อกวยอีกด้วย

 

No90 / 350 บาท

รูปครูบาดาบส หลังแผ่นตะกรุดจารมือ/ติดเกศา

และพระผงรูปเหมือนครูบาอีก 2 องค์ รวม 3 ชิ้น

 

ปิดท่าน sunmk จอง



No91 / 350 บาท

แหวนนกคุ้ม หลวงปู่มหาเจิม ปี2549

สร้างพร้อมเหรียญหันข้าง เป็นอีกวัตถุมงคลที่หายากกว่าเหรียญหันข้าง/เสมา จัดสร้างน้อย คุ้มทรัพย์ คุ้มภัย
เส้นผ่าศูนย์กลางด้านในวงแหวน กว้าง 1.9 cm

 

No92 / 350 บาท

พระพุทธชินราช เนื้อผง หลวงปู่มหาเจิม วัดสระมงคล นครปฐม พร้อมรูปถ่าย แท้ทันท่าน

 

ปิด ท่าน sunmk จอง



No93 /250 บาท

ล็อคเก็ตหลวงปู่อ่อนสา สุขกาโร วัดประชาชุมพลพัฒนาราม จ.อุดรธานี หลังชานหมาก

 

No94 / 350

พระกรุวัดห้วยเสือที่หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่าได้เสกไว้ทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นโดย"พระยาปริยัตธรรมธาดา (แพ) ตาละลักมษ์ อำมาตย์เอกในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวล้นเกล้ารัชกาลที่5ต่อมาจนถึงรัชสมัยพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวล้นเกล้ารัชกาลที่6 อดีตเจ้ากรมราชบัญฑิตขวา ซึ่งท่านเป็นชาวตำบลบ้านเพรียง อำเภอโพไร่หวานจังหวัดเพชรบุรี สร้างในสมัยหลวงพ่อรอด ธมฺมโชโตเป็นเจ้าอาวาส เพื่อบรรจุในพระเจดีย์ห้ายอดที่พระยาปริยัตธรรมธาดาสร้างเพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุถวายเป็นพระพุทธบูชาแก่วัดห้วยเสือ ซึ่งหลวงพ่อรอดนี้ท่านมีศักดิ์เป็นหลานพระสุชาติเมธาจารย์(มี) วัดพระทรง โดยหลวงพ่อมี วัดพระทรงนี้เองท่านได้ส่งให้หลวงพ่อรอดมาเป็นเจ้าอาวาสวัดห้วยเสือ พระทั้งหมดสร้างโดยใช้การเลียนแบบแม่พิมพ์ของพระกรุเสมาสามชั้น โดยได้ทำพิธีฉลองและบรรจุพระเครื่องไว้ในพระเจดีย์ห้ายอดในปี พ.ศ.2464 ในส่วนของพระเครื่องนั้นได้ทำการสร้างไว้ก่อนตั้งแต่ปีพ.ศ.2462 ด้วยที่พระยาปริยัตธรรมธาดาท่านมีความนับถือในองค์หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาทและหลวงปู่ศุขเองท่านก็มีความสนิทกับหลวงพ่อแช่ม วัดนายาง จ.เพชรบุรี ในฐานะศิษย์อาจารย์ หากท่านใดเคยไปวัดนายางจะรู้ว่าที่วัดนายางนั้นมีรูปหล่อหลวงปู่ศขขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศอยู่ หลวงปู่ศุขท่านจึงได้มาปลุกเสกพระชุดนี้ให้ พระมีด้วยกันหลายพิมพ์ดังนี้
พระพิมพ์พระเทริด
พิมม์พระร่วงทรงเครื่องแบบกรุเสมา3ชั้น
พระพิมพ์สมาธิซุ้มเปลวเพลิง
พิมพ์พระร่วงเหยียบหัวจ้าวพยัคฆา
พิมพ์พระสมเด็จ
พิมพ์พระสังกัจจายน์
พิมพ์งบน้ำอ้อย
พิมพ์พระยอดขุนพล
พิมพ์สมาธิปรกโพธิ์ ฯลฯ
พระมีทั้งแบบลงทองและไม่ลงทอง
พระได้แตกกรุออกมาในปีพ.ศ.2515 ในสมัยหลวงพ่อตุ้ม อค.ควิโร (พระที่มือปืนเล็ก นกในนับถือ) ด้วยเกิดพายุฝนพัดและฟ้าผ่าจนเจดีย์แตก พระที่แตกกรุแบบนี้มักมีอานุภาพสูงด้วยเชื่อกันว่าได้รับพลังจากอสุนียบาต เหมือนเขาควายเผือกที่จะทำเครื่องรางอันทรงอานุภาพได้ต้องเป็นควายเผือกที่ถูกฟ้าผ่าตาย เมื่อพระแตกกรุออกมาหลวงพ่อและพระในวัดได้นำพระมาเก็บไว้ในพระอุโบสถทำการเสกอีกหลายพรรษาก่อนที่จะแบ่งพระให้ชาวบ้านได้ทำบุญเก็บไว้คุ้มครองตน นอกนั้นได้นำพระทั้งหมดบรรจุกลับไปไว้ในพระเจดีย์ที่ซ่อมเสร็จตามเดิมพระเครื่องกรุวัดห้วยเสือที่หลวงปู่ศุขเสกนี้จึงมีออกมาหมุนเวียนในวงการไม่มากเท่าไรนัก พุทธคุณพระกรุนี้ที่มีทั้งหลวงปู่ศุข วัดปากคลองและหลวงพ่อแช่ม วัดนายางเป็นนผู้ปลุกเสกนั้นย่อมไม่ธรรมดา แม้กระทั่งผู้ใหญ่เล็ก นกในสมัยเป็นมือปืนนั้นก็ยังใช้แขวนประจำกายแสดงอานุภาพให้รอดตายหลายต่อหลายครั้ง ถือเป็นพระเครื่องในไม่กี่ชนิดที่หลวงปู่ศุขเมตตามาเสกและมีบันทึกประวัติการสร้างเป็นลายลักษ์อักษรชัดเจน หากใครต้องการหาพระที่ทันหลวงปู่ศุข วัดปากครองมะขามเฒ่าเสกแขวนใช้พุทธคุณ พระกรุวัดห้วยเสือนี้ถือว่าเป็นพระเครื่องชนิดหนึ่งที่อาราธนาขึ้นคอได้อย่างสนิทใจครับ

 

No95 /350

 

93 91

 

ขอบคุณครับ

 

No96 / 300 บาท

พระผงกลีบบัว หลวงพ่อตุ้ม วัดห้วยเสือ เพชรบุรี

เนื้อว่าน

พระครูอมรวชริ ารักษ์ (ตุ้ม อคฺควีโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยเสือ และเจ้าคณะตำบลท่าเสน เขต ๒ อำเภอบ้านลาด จังหวัดเพชรบุรีนามเดิม ตุ้ม นวมแหลม เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๔๗ตรงกับวันขึน้ ๖ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีมะโรง ที่บ้านหัวเขา หมู่ ๗ ต.ท่าเสน อ.บ้านลาดมีพี่น้องรวมกัน ๗ คน บิดามารดาชื่อ นายอ่อง นางเสริม นวมแหลม

เมื่ออายุ ๘ ขวบ ท่านได้ ไปเป็ นลูกศิษย์วัดให้ กับบิดาที่บวชอยู่วัดหนองไม้เหลือง ท่านเริ่มหัดอ่าน หัดเขียนหนังสือที่วัดหนองไม้เหลือง เรียนหนังสือใหญ่ อักขระขอมจนมีความชำนาญพอสมควร ต่อมาจึงอุปสมบทณ วัดเขาทะโมน ต.ท่าเสน อ.บ้านลาด จ.เพชรบุรี เมื่อวัน ๖ ๑๓ฯ ๘ ปีพ.ศ.๒๔๖๘ โดยมีพระอธิการใหม่ วัดเขาทะโมน เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อแฉ่งเป็นกรรมวาจาจารย์ หลังจากบวชก็ไปเรียนหนังสือภาษาขอมกับหลวงพ่อหวัง วัดโพธาวาส ศึกษาเล่าเรียนพระปริยัตธิ รรม สอบได้นักธรรมชัน้ ตรี ในสมัยเรียนวัดยาง อ.เมือง จ.เพชรบุรี ท่านยังศึกษาทางวิปัสสนากัมมัฏฐาน ทั้ง ช่างไม้ช่างปูนและงานออกแบบสิ่ง ก่อสร้างต่าง ๆ พรรษาที่ ๔ ได้มีชาวบ้านห้วยเสือ ไปนิมนต์ให้มาอยู่ที่วัดห้วยเสือ เมื่อ ใกล้ออกพรรษา หลวงพ่อรอด เจ้าอาวาสวัดห้วยเสือ ขอร้องให้อยู่จำพรรษาต่อ เพราะท่านอายุมากแล้ว หลวงพ่อตุ้มจึงจำพรรษาเรื่อยมา กระทั่งปีพ.ศ.๒๔๗๙ ได้รับการแต่งตั้ง ให้เป็นรองเจ้าอาวาส ในปี พ.ศ.๒๔๘๑ หลวงพ่อรอดมรณภาพ หลวงพ่อตุ้มก็ได้เป็นเจ้าอาวาสปกครองดูแลวัดห้วยเสือสืบมา

ท่านได้ปฏิบัติตามพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด จนสามารถรู้แจ้งเห็นชัดว่าอะไรควร อะไรไม่ควรปฏิบัติ มีความพากเพียรในการปฏิบัติธรรมและกิจวัตรของสงฆ์อย่างสม่ำเสมอ มีความอิ่มเอิบธรรมอยู่ในใจตลอดเวลา ท่านสามารถลดละวางความทุกข์ความสุขได้หมด ไม่หลงงมงาย มีจิตใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาไม่ว่าผู้ใดมีทุกข์ เดือดร้อน เมื่อมาหาท่าน ๆ ก็จะพยายามปัดเป่าช่วยเหลือทั่วทุกคน ท่านจะสนทนาด้วยอัธยาศัยอันดียิ่ง ไม่ถือชั้น วรรณะ ทั้งแนะแนวให้ความรู้ทางธรรมตามโอกาส ก่อให้เกิดความเลื่อมใสศรัทธาต่อศิษยานุศิษย์สาธุชนทั่วไป

ในปี พ.ศ. ๒๕๑๘ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรชั้นโท ราชทินนาม พระครูอมรวชิรารักษ์ ต่อมาท่านได้อาพาธและมรณภาพลงด้วยอาการสงบเมื่อวันที่ ๒๔ พฤษภาคม ๒๕๓๑ เวลา ๑๖.๒๔ น.สิริอายุได้ ๘๔ ปี พรรษาได้ ๖๒ พรรษา

วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์สูง เด่นทางด้านเมตตา การงานก้าวหน้า แคล้วคลาด คงกระพันชาตรี