ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    May 23, 2025 ปลดพรึบพรับ! เพเม็กซ์ ยักษ์รัฐวิสาหกิจเกือบ 90 ปี พลังงานปลดพนักงานครั้งใหญ่กว่า 3,000 คน วิกฤตหนี้พุ่งสูงกว่า 3 ล้านล้าน เจรจารัฐบาลหาเงินไถ่ถอนหุ้นกู้กว่า 6 แสนล้านในปี 69

    เพเม็กซ์ (Pemex) ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจยักษ์ใหญ่ผลิตพลังงาน และน้ำมันดิบชื่อดังจากประเทศเม็กซิโก เปิดเผยว่าเตรียมตัดลดค่าใช้จ่าย และควบคุมการลงทุนในอนาคต โดยการเตรียมปลดพนักงานครั้งใหญ่มากถึง 3,114 คน หรือคิดเป็น 28% ของจำนวนพนักงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน การเตรียมปลดพนักงานในครั้งนี้จะทำให้สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้สูงถึง 10,500 ล้านเปโซเม็กซิกัน หรือ 543.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 17,932 ล้านบาท

    การปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่่กำหนดไว้ 28% จะมีผลกระทบกับพนักงานที่มีสถานะอยู่ในสหภาพแรงงาน ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานสังกัดสหภาพแรงงานในสัดส่วนมากถึง 80% ของจำนวนพนักงานทั้งหมดในปัจจุบันที่มีมากกว่า 130,000 คน

    สาเหตุในการปลดพนักงานครั้งใหญ่เป็นผลมาจากรัฐวิสาหกิจเพเม็กซ์มีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนสะสมอย่างรุนแรงและต่อเนื่องมากกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.3 ล้านล้านบาท ในไตรมาสที่ 1 ผ่านไป พบว่า เพเม็กซ์มีภาวะหนี้สูงถึง 101,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 3.33 ล้านล้านบาท ที่สำคัญ เพเม็กซ์กำลังเจรจากับรัฐบาลเพื่อขอความช่วยเหลือในการกำหนดแผนการไถ่ถอนหุ้นกู้รวมมูลค่า 18,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 617,100 ล้านบาทที่จะครบกำหนดในปี 2026 นี้

    โดยเฉพาะในธุรกิจสำรวจและผลิตรวมถึงโรงกลั่นน้ำมัน ผลการดำเนินงานพบว่าขาดทุนสุทธิถึง 4 ไตรมาสติต่อกันของปี 2024 ส่งผลขาดทุนสุทธิ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 990,000 ล้านบาท นอกจากนี้อุตสาหกรรมผลิตน้ำมันดิบในประเทศเม็กซิโกถึงจุดอิ่มตัวเนื่องจาก กำลังการผลิตน้ำมันดิบและอื่นๆลดลงมาเหลือที่ 1.62 ล้านบาร์เรล รถลดลงถึง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2024 ทำสถิติต่ำสุดในรอบเกือบ 40 ปี

    ทั้งนี้ เพเม็กซ์ ก่อตั้งขึ้นในปี 1938 ดำเนินกิจการมาอย่างยาวนานถึง 87 ปีในปัจจุบัน

    #บริษัทน้ำมัน #ปลดพนักงาน #ตกงาน #เม็กซิโก #หนี้ #พลังงาน #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/16VGj2RvEJ/
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    May 22, 2025 ไปไวเกิน! สตรีทฟู้ดบรรทัดทองหมดเสน่ห์ รายได้ทั้งย่านวูบ 40% ร้านอาหารแห่ถอดใจขาย-เซ้งพรึบ นักท่องเที่ยวเอเชียหดหาย จีนเมินมา 80% กระแสราคาไม่ตรงปกคุณภาพอาหาร

    นายสิทธิฉันท์ วุฒิพรกุล ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง เปิดเผยว่า บรรยกาศการท่องเที่ยวและทานอาหารตามย่านถนนบรรทัดทองอยู่ในภาวะซบเซา บริเวณย่านนี้เป็นแหล่งรวมร้านอาหารและคนรุ่นใหม่ที่ได้รับนิยมอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา จนทำให้มีเม็ดเงินสะพัดในพื้นที่ดังกล่าววันละกว่า 4-7 ล้านบาท โดยเฉลี่ยค่าใช้จ่ายต่อหัวที่คนละ 250 บาท/วัน

    ขณะนี้ สารพัดปัจจัยลบมากมายเกิดขึ้น ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจซบเซา กระแสข่าวด้านลบเกี่ยวกับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย ทำให้นักท่องเที่ยวที่มาใช้จ่ายในพื้นที่หายไปอย่างมาก นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนหายไปราว 80% ขณะที่รายได้ของผู้ประกอบการในภาพรวมหดตัวไปกว่า 40% ขณะเดียวกันผู้ประกอบการในพื้นที่ยังมีภาระค่าเช่าที่เดือนละ 5-6 หมื่นบาท ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นจนบางรายแบกรับภาระไม่ไหว ต้องปิดร้านปิดกิจการไปเป็นจำนวนมาก
    �นอกจากนี้ กระแสข่าวด้านลบเกี่ยวกับราคาอาหารที่สูงเกินจริง และคุณภาพไม่สมราคา ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางสมาคมฯ ได้หารือกับผู้ประกอบการเพื่อหาทางแก้ไขปัญหาแล้ว เบื้องต้นมีแนวทางรวมกลุ่มผู้ประกอบการ เพื่อทำคำสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตเป็นล็อตใหญ่ ซึ่งจะทำให้สามารถต่อรองราคาได้ และช่วยทำให้ต้นทุนผู้ประกอบการลดลงได้

    ที่ปรึกษาสมาคมผู้ประกอบการถนนบรรทัดทอง เปิดเผยต่อไปว่า มีแผนปรับพื้นที่ย่านบรรทัดทอง ให้เป็นไนท์สตรีทฟู้ด เพื่อเพิ่มเวลาในการหารายได้มาชดเชยรายได้ส่วนที่หายไปด้วย ซึ่งเรื่องนี้จะต้องมีการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อประเมินความเป็นไปได้อีกครั้ง

    #บรรทัดทอง #สตรีทฟู้ด #จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย #ร้านอาหาร #จีน #ทัวร์ #นักท่องเที่ยว #กรุงเทพ #เซ้งร้าน #ปิดกิจการ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1AfTiLWgxQ/
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ชมรมแท็กซี่สนามบินขอนแก่น
    ลั่น หากต้องการพลังแท็กซี่จากต่างจังหวัดเพื่อร่วมปิดทำเนียบรัฐบาล แท็กซี่ขอนแก่นพร้อมเข้ากรุงเทพทันที ไม่ทนรถส่วนบุคคลขับผ่านแอปและแท็กซี่ป้ายดำ BTimes

    May 22, 2025 จะไปหา! ชมรมแท็กซี่สนามบินขอนแก่นพร้อมเสริมทัพแท็กซี่เมืองกรุงปิดทำเนียบรัฐบาล ไม่ทนแท็กซี่เรียกผ่านแอปยันป้ายดำ

    นายอำพล โคตรบุญมา ประธานชมรมแท็กซี่สนามบินขอนแก่น กล่าวว่า ปัญหารถป้ายดำ และปัญหาของรถส่วนบุคคลที่มารับจ้างผ่านระบบแอพพลิเคชั่นเป็นปัญหาที่ผู้ประกอบการแท็กซี่เรียกร้องและต่อสู้มาตลอด แต่ก็ไม่มีหน่วยงานใดทำจริงจัง หรือมีความชัดเจนในเรื่องนี้ จนล่าสุดผู้ประกอบการแท็กซี่ที่กรุงเทพฯ ได้มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้เกิดการจัดระเบียบและแก้ไขปัญหา อย่างที่ขอนแก่น ทุกวันรถแท็กซี่ที่ขึ้นทะเบียนกับสนามบินและเป็นสมาชิกชมรมฯมีมาให้บริการวันละ 40 คัน ทุกวันต้องแข่งกันรถแท็กซี่ป้ายดำ วันละ 6 คันและรถส่วนบุคคลที่มารับจ้างผ่านแอพพลิเคชั่นอีกว่า 30 คัน ทั้งที่สนามบินต่างจังหวัดจะมีเที่ยวบินเฉพาะช่วงเช้า ช่วงเที่ยงและช่วงเย็น

    แท็กซี่ถูกกฎหมายต้องปฎิบัติตามระเบียบของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการต้องรับผิดชอบ ทั้งเรืองใบขับขี่รถสาธารณะของคนขับรถแต่ละคัน,การทำประกันภัยชั้น 1,ประเภทรถต้องมีเครื่องยนต์และขนาดที่กำหนด,การเข้ารับการตรวจสอบตามรอบที่กำหนด,การอบรมพนักงานขับขี่และการฝึกการปฐมพยายาลเบื้องต้น ขณะที่รถยนต์ส่วนบุคคลที่มาขับให้บริการนั้นใช้รถอะไรก็ได้ ใบขับขี่รถสาธารณะก็ไม่มี บางคันก็ไม่มีประกันภัย ดังนั้นการออกมาเคลื่อนไหวครั้งนี้ยังหวังว่ารัฐบาลจะแก้ไขปัญหาและช่วยคนที่ทำมาหากินอย่างถูกต้องให้ได้รับความชอบธรรมเสียที

    ขณะที่นายทวีโชค สาใส รองประธานชมรมแท็กซี่สนามบินขอนแก่น กล่าวว่า รถป้ายดำและรถยนต์ส่วนบุคคลที่มารับจ้างผ่านระบบแอพพลิเคชั่น บางคันแต่งรถแบบแท๊กซี่ ขณะที่บางคนก็ห้อยว่าคำว่าแท็กซี่ เดินหาลูกค้าในสนามบิน ซึ่งก็มีทั้งตำรวจพื้นที่ ตำรวจท่องเที่ยวและเจ้าหน้าที่สนามบินพบเห็นแต่ก็ไม่ทำอะไร แท็กซี่ที่ถูกต้องซึ่งต้องรันคิว กำหนดรอบของการรับ-ส่งผู้โดยสาร ทุกคันตรวจสอบได้ กดมิเตอร์ และสามารถติดตามได้หากผู้โดยสารลืมสิ่งของ แต่ก็ไม่ได้รับการช่วยเหลือหรือแก้ไขใดๆ ที่สำคัญเฉพาะสนามบินขอนแก่น ที่รถถูกต้องต้องแข่งกับรถส่วนบุคคลที่มาให้บริการแบบผิด อีกวันละกว่าหลายสิบคัน จึงขอเป็นกำลังใจให้กับสหกรณ์แท็กซี่กรุงเทพฯได้เดินหน้าต่อสู้ต่อไปอย่างเต็มที่และหากต้องการพลังจากแท็กซี่จากต่างจังหวัดเพื่อร่วมกันปิดทำเนียบรัฐบาล แท็กซี่ขอนแก่นก็พร้อมที่จะเดินทางเข้ากรุงเทพฯทันที เพราะเป็นเรื่องที่ร่วมต่อสู้กันมาโดยตลอด

    #แท็กซี่ #กรุงเทพ #ขอนแก่น #ปิดทำเนียบรัฐบาล #ปิดสนามบิน #แท็กซี่ป้ายดำ #แกร็บ #เศรษฐกิจ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1EamHwRrj5/
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    กำลังไม่ซื้อแซงทิ้งห่างกำลังซื้อ ทุบยอดผลิตรถยนต์ในไทยเม.ย.ดิ่งจัดใน 3 ปี 6 เดือน รวม 4 เดือนทรุดกว่า -11% ส่งออกรถยนต์มุดลึก -6% BTimes

    May 22, 2025 กำลังไม่ซื้อฉุด! กำลังซื้อทรุด ฉุดยอดผลิตรถยนต์ในไทยเม.ย. ดิ่งลง ในรอบ 3 ปี 6 เดือน รวม 4 เดือนทรุดกว่า -11% ส่งออกรถยนต์มุดลึก -6%

    นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดผลิตรถยนต์เดือนเม.ย.2568 ผลิตได้ 104,250 คัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.40% ต่ำสุดในรอบ 44 เดือน หรือ 3 ปี 6 เดือน นับจากเดือน ก.ย.2564 เนื่องจากยอดผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 67,085 คัน ลดลงจากปีก่อน 6.73% สอดคล้องกับการส่งออกรถยนต์อยู่ที่ 65,730 คัน ลดลงจากปีก่อน 6.31% เพราะมีการเปลี่ยนรุ่นรถยนต์นั่งบางรุ่น และการเข้มงวดในเรื่องเทคโนโลยีช่วยเหลือเรื่องความปลอดภัย และการปล่อยคาร์บอนในบางประเทศคู่ค้า โดยรถยนต์ไฮบริด (HEV) ส่งออกเพิ่มขึ้น 87.96% ถือเป็นเดือนแรก แต่จำนวนไม่มาก จึงทำให้ส่งออกลดลงในตลาดเอเชีย ออสเตรเลีย ตะวันออกกลาง ยุโรป อเมริกาเหนือ ซึ่งคงต้องติดตามผลการเจรจาของไทย และประเทศคู่ค้าสำคัญของไทยกับสหรัฐต่อไป

    ส่วนยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ เดือนเม.ย.อยู่ที่ 37,165 คัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13.52% สวนทางกับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศอยู่ที่ 47,193 คัน ลดลงจากปีก่อน 0.97% จากรถกระบะมียอดขายลดลง 21.7% และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ (PPV) ลดลง 20.5%

    ทั้งนี้ เนื่องจากการเข้มงวดในการอนุมัติสินเชื่อรถกระบะ จากหนี้ครัวเรือนสูงและเศรษฐกิจในประเทศที่อ่อนแอ เพราะดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงลดลง จากอุตสาหกรรมยานยนต์ยังคงลดลง 3.83% การลงทุนภาคเอกชนไตรมาสหนึ่งปีนี้ลดลง และค่าครองชีพที่ยังสูง ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงในทิศทางเดียวกัน

    ขณะที่ ภาพรวมยอดผลิตรถยนต์ 4 เดือนของปีนี้ (ม.ค.-เม.ย.2568) อยู่ที่ 456,749 คัน ลดลง 11.96% เนื่องจากยอดผลิตเพื่อส่งออกอยู่ที่ 303,881 คัน ลดลง 12.07% ตามยอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป 290,288 คัน ลดลง 14.79% ส่วนยอดผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ อยู่ที่ 152,868 คัน ลดลง 11.72% เป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดขายในประเทศอยู่ที่ 200,386 คัน ลดลง 4.80%

    #ยอดผลิตรถยนต์ #สอท. #กำลังซื้อ #ยอดขายรถ #ส่งออกรถยนต์ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/1DZy2sbpDg/
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    รัฐบาลประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งห้าม #มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) รับนักศึกษาต่างชาติเมื่อวานนี้ (22 พ.ค.) ขณะที่นักศึกษาต่างชาติปัจจุบันถูกบังคับให้ต้องย้ายไปเรียนที่มหาวิทยาลัยอื่น หรือไม่ก็จะถูกเพิกถอนสถานะวีซ่า โดยรัฐบาล ทรัมป์ ยังขู่จะขยายมาตรการกวาดล้างนี้ไปยังสถาบันการศึกษาอื่นๆ ด้วย
    .
    คริสตี โนเอม รัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ทางกระทรวงเพิกถอนใบอนุญาตรับรองโครงการ Student and Exchange Visitor Program ของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดโดยมีผลบังคับสำหรับปีการศึกษา 2025-2026
    .
    โนเอม ยังกล่าวหามหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งนี้ว่า “บ่มเพาะความรุนแรงและลัทธิเกลียดชังชาวเซมิติก และร่วมมือกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน”
    .
    ทางมหาวิทยาลัยระบุว่า คำสั่งของรัฐบาล ทรัมป์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อนักศึกษาฮาร์วาร์ดหลายพันคนถือว่าผิดกฎหมาย และเข้าข่ายเป็นการแก้แค้น
    .
    ฮาร์วาร์ดซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยในกลุ่มไอวีลีก (Ivy League) ที่ตั้งอยู่ในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ กลายมาเป็นหนึ่งในสถาบันสำคัญที่ถูกรัฐบาล ทรัมป์ เล่นงาน หลังจากที่ทางมหาวิทยาลัยปฏิเสธไม่ยอมส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับผู้ถือวีซ่านักศึกษาบางคนให้กับกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
    .
    ฮาร์วาร์ดรับนักศึกษาต่างชาติเกือบ 6,800 คนในปีการศึกษา 2024-2025 หรือคิดเป็นร้อยละ 27 ของจำนวนนักศึกษาทั้งหมด ตามข้อมูลสถิติของมหาวิทยาลัย
    .
    ในปี 2022 นักศึกษาชาวจีนถือเป็นกลุ่มใหญ่ที่สุดของนักศึกษาต่างชาติ โดยมีจำนวน 1,016 คน รองลงมาได้แก่นักศึกษาจากแคนาดา อินเดีย เกาหลีใต้ อังกฤษ เยอรมนี ออสเตรเลีย สิงคโปร์ และญี่ปุ่น
    .
    สถานทูตจีนประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ยังไม่ออกมาให้ความเห็นเกี่ยวกับคำสั่งของรัฐบาลสหรัฐฯ
    .
    “ความสามารถในการรับนักศึกษาต่างชาติที่จ่ายค่าเทอมสูงเป็นพิเศษ และนำเงินเหล่านี้มาช่วยอุดหนุนค่าใช้จ่ายหลายล้านดอลลาร์ของมหาวิทยาลัย ถือเป็นสิทธิพิเศษ (privilege) ไม่ใช่สิทธิที่พึงมี (right)” โนเอม ระบุในถ้อยแถลง
    .
    รัฐมนตรีหญิงผู้นี้ยังระบุในจดหมายที่ส่งถึงฮาร์วาร์ดว่าจะ “ให้โอกาส” มหาวิทยาลัยขอคืนใบอนุญาตรับนักศึกษาต่างชาติ ด้วยการส่งมอบข้อมูลเกี่ยวกับนักศึกษาต่างชาติที่ทางกระทรวงต้องการภายใน 72 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึงคลิปวิดีโอหรือคลิปเสียงที่บันทึกกิจกรรมการประท้วงของนักศึกษาเหล่านั้นในรอบ 5 ปี
    .
    ฮาร์วาร์ดวิจารณ์การกระทำของรัฐบาลสหรัฐฯ ว่า “ผิดกฎหมาย” และยืนยันว่าทางสถาบันยังคง “มีความมุ่งมั่นอย่างเปี่ยม” ที่จะให้ความรู้แก่นักศึกษาต่างชาติต่อไป
    .
    “การแก้แค้นเช่นนี้เสี่ยงที่จะก่อความเสียหายร้ายแรงต่อประชาคมฮาร์วาร์ดและต่อประเทศชาติของเรา อีกทั้งยังเป็นการบ่อนทำลายภารกิจทางวิชาการและการวิจัยของฮาร์วาร์ดด้วย” มหาวิทยาลัยระบุ
    .
    สมาชิกสภาคองเกรสสายเดโมแครตหลายคนก็ได้ออกมาประณามคำสั่งห้ามฮาร์วาร์ดรับนักศึกษาต่างชาติ โดย ส.ส. ไฮเม ราสกิน ชี้ว่า “เป็นการโจมตีต่อความเป็นอิสระและเสรีภาพทางวิชาการของฮาร์วาร์ดอย่างที่ไม่อาจทนรับได้” พร้อมกล่าวหารัฐบาลสหรัฐฯ ว่ามีเจตนาแก้แค้นที่ ฮาร์วาร์ด แสดงจุดยืนต่อต้าน ทรัมป์
    .
    เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว ทรัมป์ ได้ประกาศระงับเงินอุดหนุน 3,000 ล้านดอลลาร์ที่รัฐต้องจ่ายแก่ให้มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และทำให้มหาวิทยาลัยต้องยื่นฟ้องศาลเพื่อคัดค้านคำสั่งนี้
    .
    ขณะเดียวกัน ผู้พิพากษาศาลสหรัฐฯ ก็มีคำตัดสินวานนี้ (22) ว่า รัฐบาล ทรัมป์ ไม่มีสิทธิเพิกถอนสถานะวีซ่าของนักศึกษาต่างชาติโดยปราศจากกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากที่ก่อนหน้านั้น ทรัมป์ พยายามเพิกถอนวีซ่านักศึกษาต่างชาติหลายร้อยคนทั่วสหรัฐฯ และไม่แน่ชัดว่าคำตัดสินของศาลในครั้งนี้มีส่วนทำให้รัฐบาลยกระดับเล่นงานมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดหนักขึ้นหรือไม่
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์ในรายการ The Story with Martha MacCallum ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์ โนเอม ได้ถูกพิธีกรตั้งคำถามว่าจะพิจารณาใช้มาตรการกดดันในลักษณะนี้กับมหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกหรือไม่? เช่น มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เป็นต้น
    .
    “แน่นอน เราทำแน่” เธอให้คำตอบ “นี่ถือเป็นคำเตือนไปยังมหาวิทยาลัยทุกแห่งให้ต้องจัดระเบียบสิ่งต่างๆ ให้เหมาะสม”
    .
    หลังจากที่สาบานตนเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 เมื่อเดือน ม.ค. ทรัมป์ ได้ออกมาตรการกวาดล้างผู้อพยพหลายอย่าง และยังพยายามที่จะเพิกถอนวีซ่าและกรีนการ์ดของนักศึกษาต่างชาติหลายคนที่เข้าร่วมการชุมนุมประท้วงสนับสนุนปาเลสไตน์
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

    https://www.facebook.com/share/p/16V7cvqEfx/
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    คณะผู้เจรจาการค้าของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ กำลังกดดันให้สหภาพยุโรป (อียู) ต้องลดการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ ฝ่ายเดียว โดยระบุว่าหากไม่มีการผ่อนปรน การเจรจาเพื่อขอหลีกเลี่ยงอัตราภาษีตอบโต้ 20% ของสหรัฐฯ ต่ออียูก็จะคืบหน้าไปต่อไม่ได้ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์ส
    .
    ไฟแนนเชียลไทม์สอ้างแหล่งข่าวไม่ประสงค์ออกนามซึ่งระบุว่า เจมีสัน กรีเออร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ เตรียมแจ้งต่อ มารอส เซฟโควิช กรรมาธิการด้านการค้าของยุโรปในวันนี้ (23 พ.ค.) ว่า "หมายเหตุอธิบาย" ล่าสุดที่บรัสเซลส์แจ้งมานั้นยังไม่เป็นไปตามความคาดหวังของฝ่ายสหรัฐฯ
    .
    สื่อฉบับนี้ยังระบุด้วยว่า สหภาพยุโรปพยายามผลักดันให้มีการกำหนดกรอบการเจรจาร่วมกัน ทว่าจุดยืนของทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีความแตกต่างกันอย่างมาก
    .
    รอยเตอร์ยังไม่สามารถตรวจสอบความถูกต้องของรายงานนี้ ขณะที่คณะกรรมาธิการยุโรปและสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ก็ยังไม่ได้ตอบข้อซักถามจากผู้สื่อข่าวรอยเตอร์
    .
    สหรัฐฯ กำหนดอัตราภาษีศุลกากร 25% สำหรับรถยนต์ เหล็ก และอะลูมิเนียมที่นำเข้าจากสหภาพยุโรปเมื่อเดือน มี.ค. และ 20% สำหรับสินค้าอื่นๆ ในเดือน เม.ย. จากนั้นจึงประกาศลดอัตราภาษีนำเข้าลงเหลือครึ่งหนึ่งจนถึงวันที่ 8 ก.ค. โดยกำหนดกรอบเวลา 90 วันสำหรับการเจรจาเพื่อบรรลุข้อตกลงด้านภาษีที่ครอบคลุมมากขึ้น
    .
    สหภาพยุโรปซึ่งมีสมาชิก 27 ประเทศได้ตอบสนองสหรัฐฯ ด้วยการระงับแผนของตนเองที่จะขึ้นภาษีตอบโต้สินค้าบางรายการของอเมริกา และเสนอให้ใช้อัตราภาษีเป็น “ศูนย์” สำหรับสินค้าอุตสาหกรรมทั้งหมดจากทั้ง 2 ฝ่าย
    .
    ที่มา: รอยเตอร์

    https://www.facebook.com/share/p/18mjyrke5k/
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    #ข่าวร้อนในญี่ปุ่น ญี่ปุ่น งัด 3 แผนโหด ตั้งเป้า "ผู้พำนักผิดกฎหมายต้องเป็นศูนย์ หรือ หมดไปจากประเทศ" เพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจของประชาชน ภายในปี 2028

    เนื้อหาแบ่งเป็น 3 หมวดหลัก:

    การควบคุมการเข้าประเทศ
    ◾ นำระบบตรวจสอบผู้โดยสารล่วงหน้า (JESTA) มาใช้เร็วขึ้น
    ◾ คัดกรองผู้เดินทางออนไลน์ก่อนเดินทางเข้าญี่ปุ่น
    ◾ ป้องกันชาวต่างชาติที่ไม่เหมาะสมไม่ให้เข้าประเทศ
    ◾ เดิมวางแผนใช้ปี 2030 แต่จะเร่งให้เริ่มในปี 2028
    ◾ ทำงานเชิงรุกกับประเทศที่มีคนถูกเนรเทศ เพื่อป้องกันการพำนักอย่างผิดกฎหมายซ้ำ

    การจัดการการพำนักและการขอลี้ภัย
    ◾ เร่งรัดกระบวนการพิจารณาคำขอลี้ภัย
    ◾ ป้องกันคำขอลี้ภัยเท็จหรือล่าช้าโดยไม่จำเป็น
    ◾ ใช้ระบบคัดแยกผู้ขอให้เร็วขึ้น และกำหนดระยะเวลาอยู่ให้ชัดเจน
    ◾ ใช้เทคโนโลยีจัดการข้อมูลการเข้า-ออกประเทศแบบรวมศูนย์ (DX)
    ◾ ใช้ AI และดิจิทัลเพื่อลดขั้นตอน และเชื่อมข้อมูลจากเข้า-ถึง-ออกประเทศ

    การส่งกลับประเทศและการป้องกันการทำงานผิดกฎหมาย
    ◾ ส่งตัวชาวต่างชาติที่ถูกเนรเทศโดยมีเจ้าหน้าที่คุมตัว โดยเฉพาะผู้กระทำความผิดร้ายแรง
    ◾ สนับสนุนให้ชาวต่างชาติเดินทางกลับประเทศด้วยตนเอง
    ◾ โดยใช้ระบบใหม่ที่สามารถลดระยะเวลาห้ามเข้าใหม่
    ◾ ป้องกันการใช้แรงงานผิดกฎหมายจากผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว
    ◾ ร่วมมือกับหน่วยงานแรงงาน และลงโทษนายจ้างที่จ้างงานผิดกฎหมาย

    ขอบคุณภาพและที่มาจาก https://news.yahoo.co.jp/articles/da00db42031b0365e2cf9c86eaccce1abe30eb61 และ
    https://go2senkyo.com/seijika/141984/posts/1110642

    ติดตามพวกเราต่อได้ที่ https://linktr.ee/krobkruengJapan
    FB_IMG_1748076970244.jpg FB_IMG_1748076972217.jpg FB_IMG_1748076974138.jpg FB_IMG_1748076976378.jpg
    https://www.facebook.com/share/1BzPPB8HFy/
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    #ข่าวร้อนในญี่ปุ่น ประธานบริษัทชาวจีน ต้องสงสัยว่าได้ฟอกเงิน มากกว่า 50,000 ล้านเยนที่ได้มาจากการหลอกลวงรูปแบบการลงทุนผ่านโซเชียลมีเดีย ถูกจับกุมแล้ว

    ชายชาวจีน วัย 37 ปี ประธานบริษัท “เท็นเคน” ในเขตโทชิมะ กรุงโตเกียว และหญิงชาวจีนอีก 2 คน ถูกสงสัยว่าหลอกเอาโทรศัพท์มือถือจำนวน 14 เครื่องและซิมการ์ด 4 ใบมาครอบครองผ่านสัญญาที่ไม่ถูกต้อง

    โทรศัพท์เหล่านั้นถูกขายให้กับกลุ่มมิจฉาชีพที่ก่ออาชญากรรมเฉพาะทาง และ คาดว่าเงินที่หลอกลวงมาจากเหยื่อก็ถูกโอนไปยังบัญชีอื่นเพื่อฟอกเงินด้วย คาดว่ามูลค่ารวมของเงินที่เกี่ยวข้องสูงถึง 50,000 ล้านเยน

    ขอบคุณภาพและที่มาจาก

    FB_IMG_1748077184436.jpg
    ติดตามพวกเราต่อได้ที่ https://linktr.ee/krobkruengJapan
    https://www.facebook.com/share/p/19BZsSZJCN/
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ล้มแชมป์!!! #เวียดนาม ส่งออกพุ่ง 145เท่า! ยึดส่วนแบ่งตลาด #มะม่วง ในจีน 97%!!!!! แทบไม่เหลือที่ยืนให้ไทยแลนด์

    น้อยมากนะครับ ที่ผมจะเอาข่าวจากสื่อหลักของไทยมาแปะทั้งดุ้น
    แสดงว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่จริง
    โปรดติดตามได้จากลิงค์นี้ของไทยรัฐเลยครับ
    คือถูกโค่นแชมป์น่ะผมว่าพอทำเนา แต่นี่เล่นยึดไป 97% ของส่วนแบ่งตลาดเลย ... โอ้โห
    เอามะม่วงไทยไปอยู่ไหนฮึคนจีน!?!?!
    https://www.thairath.co.th/money/economics/thai_economics/2862442

    https://www.facebook.com/share/16a65vuDkD/
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    Jun 5, 2025 ด่วน! 2 ชาติอาเซียนโดนแล้ว ปธน.สหรัฐลงนามคำสั่งห้ามประชาชนจาก 12 ประเทศเข้าสหรัฐอย่างเด็ดขาดอย่างเต็มรูปแบบรวมเมียนมา และจำกัดการเข้าสหรัฐของประชาชนจาก 7 ประเทศรวมสปป.ลาว

    ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในประกาศคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐห้ามประชาชนที่มีสัญชาติจาก 12 ประเทศเข้าสหรัฐอย่างเต็มรูปแบบและเด็ดขาดประกอบด้วยอัฟกานิสถาน เมียนมา ชาด สาธารณรัฐคองโก อิเควทอเรียลกินี เอริเทรีย เฮติ อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน และเยเมน และมาตรการให้จํากัดการเข้าประเทศบางส่วนของประชาชนที่มีสัญชาติจาก 7 ประเทศ ประกอบด้วยบุรุนดี คิวบา สปป.ลาว เซียร์ราลีโอน โตโก เติร์กเมนิสถาน และเวเนซุเอลา การประกาศคำสั่งกฎมายดังกล่าวถือเป็นมาตรการห้ามประชาชนชาวต่างชาติครั้งที่ 2 หลังจากกฎหมายห้ามประชาชนชาวต่างชาติเข้าสู่สหรัฐอเมริกามีขึ้นครั้งแรกในยุคสมัยนายโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดีวาระแรกในปี 2017

    สำหรับสาเหตุการประกาศกฎหมายคำสั่งห้ามประชาชนชาวต่างชาติใน 12 ประเทศเข้าสหรัฐอเมริกาอย่างเต็มรูปแบบในครั้งนี้ เป็นผลมาจากที่ในช่วงก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ตำหนินโยบายการอนุญาตให้ชาวต่างประเทศเข้าสู่สหรัฐอเมริกาของอดีตประธานาธิบดีนายโจ ไบเดน

    ทั้งนี้ ในวาระแรกของกาคเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 45 ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศกฎหมายห้ามประชาชนชาวต่างประเทศที่มีสัญชาติจากจาก 7 ประเทศ ซึ่งเป็นชาวมุสลิมและเป็นประเทศมีการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ ได้แก่ อิหร่าน ลิเบีย คิวบา เกาหลีเหนือ โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย เวเนซุเอลา และเยเมน มาตรการดังกล่าวในครั้งแรกได้รับการตัดสินเห็นชอบจากศาลฎีกาสหรัฐในปี 2018 ต่อมาอดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต ซึ่งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46 ต่อจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยกเลิกกฎหมายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการการห้ามชาวต่างชาติจาก 7 ประเทศในปี 2021

    #ข่าวด่วน #ห้ามเข้าประเทศ #สหรัฐ #ลาว #เมียนมา #มุสลิม #คอมมิวนิสต์ #ทรัมป์ #BTimes

    https://www.facebook.com/share/p/16vADYUVaK/
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    Jun 5, 2025 ด่วน! ปธน.ทรัมป์ลงนามคำสั่งประกาศจำกัดวีซ่านักเรียน/นักศึกษาต่างชาติเรียนระยะยาว โปรแกรมแลกเปลี่ยน และเรียนคอร์สระยะสั้นในมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด สหรัฐ

    ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกานายโดนัลด์ทรัมป์ ลงนามในประกาศคำสั่งบริหารประธานาธิบดีสหรัฐให้จำกัดการออกวีซ่ากับนักเรียนหรือนักศึกษาชาวต่างประเทศประกอบด้วย การขอวีซ่าเพื่อเรียนระยะยาว การขอวีซ่าในโครงการแลกเปลี่ยน และการขอวีซ่าเรียนระยะสั้นของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา

    เมื่อเดือนพฤษภาคมผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐอเมริกาประกาศคำสั่งให้สถานกงสุลทั้งหมดของสถานฑูตสหรัฐอเมริกาในต่างประเทศ ทำการตรวจสอบผู้สมัครยื่นขอวีซ่าประเภทนักเรียน หรือนักศึกษาเพิ่มเติม ที่มีความต้องการเดินทางไปเรียนที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดไม่ว่าจะเป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ใด ๆ ก็ตาม

    ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคมผ่านมา ศาลรัฐบาลกลางเมืองบอสตั้นสั่งคุ้มครองชั่วคราวกับนักศึกษาต่างชาติเรียนในมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด ในขณะที่โฆษกทำเนียบขาวเปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐเตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งคุ้มครองไม่ให้มีผล เพื่อห้ามรับนักศึกษาต่างชาติเข้าเรียน รัฐบาลสหรัฐชี้มหาวิทยาลัยฮาวาร์ดหนุนลัทธิต่อต้านชาวยิว และประสานงานกับพรรคคอมมิวนิสต์จีน

    ศาลรัฐบาลกลางแห่งนครบอสตั้น รัฐแมสซาชูเส็ท ประกาศคำตัดสินสั่งคุ้มครองชั่วคราวกับนักเรียนหรือนักศึกษาชาวต่างชาติที่กำลังศึกษาที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) หลังจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา แถลงว่ามหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดถูกยกเลิกใบรับรอง Student and Exchange Visitor Program (SEVP) แล้ว รวมถึงมาตรการผลักดันหรือส่งกลับนักเรียนหรือนักศึกษาชาวต่างชาติจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดกลับไปยังประเทศบ้านเกิด

    ขณะที่โฆษกหญิงทําเนียบขาว เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเตรียมยื่นอุทธรณ์ต่อคณะผู้พิพากษาศาลสูงรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา ที่มีต่อคำตัดสินของนายแอลลิสัน เบอร์รอกส์ ผู้พิพากษาเขต ซึ่งไม่ได้รับการเลือกตั้งในฐานะมีสิทธิออกเสียงลงมติคำตัดสิน จึงไม่มีอำนาจตามกฎหมายในการยับยั้งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์จากการใช้นโยบายการย้ายถิ่นฐานและนโยบายความมั่นคงแห่งชาติอย่างถูกต้อง มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดมีอายุเก่าแก่มาอย่างยาวนานถึง 389 ปี ปัจจุบันรับสมัครนักเรียนหรือนักศึกษาชาวต่างประเทศมากกว่า 6,800 คน ซึ่งคิดเป็น 27% ของจำนวนทั้งหมดที่ศึกษาในมหาวิทยาลัยดังกล่าวในทุกวันนี้

    คณะกรรมการบริหารมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด (Harvard University) ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ และมีชื่อเสียง ที่สำคัญ ยังได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำ 10 อันดับแรกของโลกมาอย่างยาวนาน เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการฟ้องศาลกลางแห่งนครบอสตั้น ด้วยการฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (มีต่อหน้า 2/2)

    https://www.facebook.com/share/p/1LQuh4ZabV/
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    “ฮุนเซน” ยันแค่ปรับกำลังหลีกเลี่ยงปะทะใหญ่ ไม่ใช่การถอนทหาร ดินแดนยังเป็นของกัมพูชา ฟ้องศาลโลกไม่เปลี่ยน
    “ฮุนเซน” โพสต์ยอมรับปรับกำลังทหารในพื้นที่ขัดแย้งกับไทย เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะนองเลือด แต่ยืนยันไม่ใช่การถอนทหาร เหมือนนอนบนเตียงแค่ยกหัวขึ้นเพื่อนอนใหม่ ดินแดนยังเป็นของกัมพูชา ส่วนการยื่นฟ้องต่อศาลโลกยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
    ภายหลังจาก พลโท สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ของกัมพูชา ได้หารือกับ พลตรี สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี และมีข้อตกลงร่วมกันที่จะถอนกำลังออกจากจุดปะทะกันบริเวณช่องบกเมื่อวันที่ 28 พ.ค.และฝ่ายกัมพูชาจะกลบคูเรดที่ขุดไว้ให้กลับสู่สภาพเดิมแล้วนั้น เมื่อคืนวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา จอมพลสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้โพสต์ข้อความในโพสต์เฟซบุ๊ก “Samdech Hun Sen of Cambodia”ว่า “การปรับกำลังทหารในพื้นที่ขัดแย้ง ซึ่งผู้บัญชาการทหารของทั้งสองประเทศ กัมพูชาและไทย เห็นพ้องต้องกันเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันขนาดใหญ่ เป็นสิ่งจำเป็น
    “ประชาชนของทั้งสองประเทศ กัมพูชาและไทย ต้องการสันติภาพที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง และไม่ต้องการเห็นสงคราม การแสวงหาวิธีแก้ปัญหาผ่านการเจรจาได้ดำเนินการตั้งแต่ระดับรัฐบาลไปจนถึงผู้บัญชาการหน่วยในแนวหน้า ซึ่งนำไปสู่ผลลัพธ์ดังกล่าว
    “ขอให้พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลกัมพูชาจะแก้ไขความขัดแย้งโดยสันติวิธี ซึ่งเป็นวิธีเดียวที่จะหลีกเลี่ยงสงครามนองเลือด และยังคงมิตรภาพและความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านที่ดีต่อไป”
    สมเด็จฮุนเซน ยังได้โพสต์ข้อความอธิบายเพิ่มเติมในคอมเมนต์ ว่า “โปรดเข้าใจว่าการปรับกำลังทหารนั้นไม่ใช่การถอนทหารออกจากดินแดนของตนเอง แต่เป็นการปรับกำลังทหารในดินแดนของตนเอง การปรับกำลังทหารก็เหมือนกับการนอนบนเตียง ตั้งแต่หัวถึงปลายเท้าเราอยู่บนที่นอน แต่ตอนนี้เรายกหัวขึ้นเพื่อจะนอนใหม่ ดินแดนของเราก็ยังคงเป็นดินแดนของเรา”
    ต่อมา ผู้ใช้เฟซบุ๊กในชื่อ Rim Chanra ได้ถามว่า “นั่นหมายถึงการถอนทหารออกจากดินแดนที่เราอ้างสิทธิ์ไว้ในตอนแรกใช่หรือไม่? ดูเหมือนว่าคำว่า "การส่งต่อกำลังไปยังพื้นที่ที่เหมาะสม" ไม่ค่อยเป็นที่เข้าใจนัก
    สมเด็จฮุนเซนตอบว่า ขอให้เข้าใจคำว่าการปรับกำลัง แตกต่างจากการถอนทหาร
    นอกจากนี้ สมเด็จฮุนเซนได้ตอบคำถามเรื่องการยื่นฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) โดยยืนยันว่าการฟ้องคดีต่อ ICJ ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
    https://mgronline.com/onlinesection...6ECvYnhxkVqE6rJ29q_aem_pml3VruSQBir-oqiOnMJRg
    https://www.facebook.com/share/16TTEKdjYR/
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    โลกรวน ภัยพิบัติ ขาดทรัพยากรอตัวเร่งเกิด ‘สงคราม’ ‘อียู’ ชี้การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยังเป็นปัญหาสำคัญกระทบทั้งโลก
    .
    วอปเคอ ฮูคสตรา หัวหน้าคณะกรรมาธิการยุโรปด้านสภาพอากาศ การปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ และการเติบโตที่สะอาด เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ Financial Times ว่า ในช่วงปีที่ผ่านมาเขาได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูง เพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับผลกระทบของระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ภัยแล้ง น้ำท่วม และไฟป่า ที่จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางทหาร รวมถึงความเสี่ยงต่อการอพยพและการขาดแคลนทรัพยากรที่อาจเป็นชนวนความขัดแย้ง
    .
    “การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบที่เกิดขึ้น ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างชัดเจนต่อภูมิรัฐศาสตร์ ความปลอดภัย และความมั่นคง โดยเฉพาะการเข้าถึงทรัพยากร ที่มักเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งและสงคราม แต่เมื่อพิจารณาถึงผลกระทบอันรุนแรงของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแล้ว ผลกระทบดังกล่าวจะทวีคูณเป็นสี่เท่า” ฮูคสตรากล่าว
    .
    คำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้น ในขณะที่รัฐบาลทรัมป์พยายามให้ “นาโต” ลดความสำคัญของประเด็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในฐานะประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ตามมุมมองของทรัมป์ ที่ไม่ได้คิดว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเกิดจากฝีมือมนุษย์ และไม่ได้เป็นปัญหาเร่งด่วน
    .
    ขณะเดียวกัน ฮูคสตรายังต้องพยายามให้ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปสนับสนุนเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศอันสูงส่งของสหภาพยุโรป รวมถึงการเป็นทวีปแรกที่มีการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 เพราะขณะนี้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจและการทหารเข้ามาเป็นประเด็นสำคัญในนโยบายของสหภาพยุโรปอแทนที่ปัญหาสภาพภูมิอากาศ ท่ามกลางความหวาดกลัวว่าจะถูกรัสเซียรุกรานของประเทศสมาชิกในยุโรปตะวันออก
    .
    แต่ฮูคสตรายังมองว่าทั้งสองประเด็นสามารถดำเนินไปควบคู่กัน เนื่องจากมีความเสี่ยงที่กิจกรรมทางทหารจะได้รับผลกระทบจากปัญหาสภาพภูมิอากาศ และผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
    .
    ผลกระทบอย่างแรกที่เกิดขึ้นแล้ว คือ กองทัพต้องการกำลังพลเข้ามารับมือกับไฟป่าในประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปหลายประเทศ เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหมของสหรัฐที่เคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้ต้องปฏิบัติการเพิ่มขึ้น
    .
    อ่านต่อ: https://www.bangkokbiznews.com/environment/1183901?anm=
    .
    .
    #กรุงเทพธุรกิจ #InsightForOpportunities #กรุงเทพธุรกิจSustain #กรุงเทพธุรกิจClimate

    https://www.facebook.com/share/p/18vNzPeiB1/
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    FB_IMG_1749551192246.jpg

    "วาสนา นาน่วม" เผยภาพถ่ายทางอากาศจากกองทัพไทย พิสูจน์ "สามเหลี่ยมมรกต ช่องบก" ไม่เคยมีทหารกัมพูชาประจำการมาก่อนปี 2568 หักล้างคำกล่าวอ้าง "ฮุน เซน" พบการรุกล้ำและตั้งฐานทัพเมื่อ เม.ย.ที่ผ่านมา พร้อมเตรียมนำหลักฐานยันในที่ประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้
    .
    วันนี้ (10 มิ.ย.) น.ส.วาสนา นาน่วม ผู้สื่อข่าวอาวุโสสายทหาร ได้ออกมาโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัว เผย ภาพถ่ายทางอากาศว่าไม่พบทหารของเขมรบริเวณสามเหลี่ยมมรกต โดยพบว่าทหารของเขมรเพิ่งเข้ามาวางกำลังในปี 2568 นี้เอง โดยภาพดังกล่าวได้อ้างอิงมาจากกองทัพไทยที่ได้เปิดเผยภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายประวัติศาสตร์ของพื้นที่ "สามเหลี่ยมมรกต ช่องบก" บริเวณพิกัดและเนิน 574, 641, 745 ตั้งแต่ปี 2520 จนถึงปี 2539 และปี 2546 จนถึงปี 2567 เพื่อยืนยันว่าไม่พบการวางกำลังทหารกัมพูชาในพื้นที่ดังกล่าวในช่วงเวลาที่ผ่านมา
    .
    หลักฐานภาพถ่ายที่เปิดเผยโดยกรมแผนที่ทหารระบุชัดเจนว่าทหารกัมพูชาเพิ่งเริ่มเข้ามาวางกำลังในช่วงต้นปี มีนาคม-เมษายน 2568 ซึ่งแตกต่างจากที่สมเด็จฯ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาอ้างว่ามีการยึดครองพื้นที่มานานก่อนการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) ปี 2543
    .
    จากการตรวจสอบล่าสุดพบว่ามีการจัดตั้งฐานทหารกัมพูชาในพื้นที่ดังกล่าวเมื่อเดือนเมษายน 2568 และมีการขุดคูเล็ต รวมถึงใช้รถแบ็กโฮปรับพื้นที่เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2568 นอกจากนี้ ยังพบการตัดต้นพญาสัตบรรณเพื่อปิดเส้นทางไม่ให้ทหารไทยเข้าไปในพื้นที่ด้วย
    .
    กองทัพไทยยืนยันหนักแน่นว่าจุดปะทะที่เกิดขึ้นบริเวณต้นพญาสัตบรรณนั้นอยู่ในเขตแดนไทยอย่างชัดเจน เนื่องจากเป็นการรุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทยโดยทหารกัมพูชา
    .
    หลักฐานทั้งหมดนี้ กองทัพไทยเตรียมนำไปใช้ในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ครั้งต่อไปในวันที่ 14 มิถุนายนนี้ ที่กรุงพนมเปญ เพื่อยืนยันอธิปไตยเหนือดินแดนของประเทศไทย
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000054201
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/16M7XzzS7y/
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    FB_IMG_1749551340819.jpg

    เปิดแผนที่โบราณของฝรั่งเศสที่จัดทำโดยข้าราชการระดับสูงผู้ปกครองกัมพูชา ซึ่งยืนยันชัดเจนว่า "เกาะกูด" เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสยามมาอย่างยาวนาน สวนทางกับการกล่าวอ้างของฝ่ายกัมพูชา โดยเส้นเขตแดนทางทะเลในแผนที่ชี้ชัดว่าเกาะกูดอยู่ในอาณาเขตของประเทศไทย ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญที่จะช่วยยืนยันสิทธิ์ของไทยเหนือเกาะกูด และอาจมีบทบาทในการแก้ไขข้อพิพาทเขตแดนทางทะเลในอนาคต
    .
    วันนี้ (10 มิ.ย.) ในโซเชียลต่างแชร์ข้อมูลของเกาะกูด ซึ่งพบว่าเป็นของประเทศไทยมานานแล้ว หลังมีการเปิดเผยแผนที่โบราณของฝรั่งเศษ โดยแผนที่โบราณจัดทำโดยข้าราชการระดับสูงของฝรั่งเศสผู้เคยปกครองกัมพูชา ได้รับการเปิดเผยแล้ว โดยยืนยันอย่างชัดเจนว่า เกาะกูด เป็นส่วนหนึ่งของดินแดนสยามมาอย่างยาวนาน ซึ่งขัดแย้งกับการกล่าวอ้างของฝ่ายกัมพูชา
    .
    แผนที่ฉบับนี้ถูกจัดทำขึ้นโดย ฟร็องซัวส์ มาริอุส โบดวง (François Marius Baudoin) ผู้ดำรงตำแหน่งผู้แทนอาวุโสประจำกัมพูชา (Le Résident Supérieur au Cambodge) ในช่วงปี ค.ศ. 1914 – 1927 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขามีอิทธิพลอย่างมากต่อการบริหารราชการภายใต้ระบบรัฐอารักขาของฝรั่งเศสในกัมพูชา
    .
    แผนที่ดังกล่าวถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้ในการปกครองอาณานิคมกัมพูชาในยุคนั้นรายงานระบุว่า เส้นเขตแดนทางทะเลที่ปรากฏในแผนที่แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเกาะกูดอยู่ในอาณาเขตของประเทศไทย ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นว่าเกาะกูดไม่ใช่ดินแดนที่กัมพูชาสามารถอ้างสิทธิ์ได้ตามที่กล่าวอ้าง
    .
    การค้นพบครั้งนี้เป็นผลมาจากการค้นคว้าของ พันเอก ประชา สมิทธ์สมบูรณ์ ผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารบก ประจำกรุงปารีส ซึ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อย Saint-Cyr ประเทศฝรั่งเศส โดยท่านได้ใช้เวลาค้นคว้าและดาวน์โหลดแผนที่นี้มาจากหอสมุดแห่งชาติฝรั่งเศส
    .
    ในการค้นหาหลักฐานครั้งนี้ ยังได้รับความร่วมมือจาก พลโท ดร. พีรพล สงนุ้ย ผู้ทรงคุณวุฒิด้านประวัติศาสตร์ ซึ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อย Saint-Cyr ประเทศฝรั่งเศสเช่นกัน เป็นผู้ค้นพบหลักฐานชิ้นสำคัญนี้และให้ความร่วมมือในการดำเนินการค้นคว้าดังกล่าว
    .
    การค้นพบแผนที่โบราณฉบับนี้ถือเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญในการยืนยันสิทธิ์ของประเทศไทยเหนือเกาะกูด และอาจมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขข้อพิพาทเรื่องเขตแดนทางทะเลในอนาคต
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000054246
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/1B1TDvx5wL/
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    ‘กลาโหมกัมพูชา’แถลง 4 ข้อ ‘ไม่ถอนกำลัง’จากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย-ยึดครองมานาน
    .
    9 มิถุนายน 2568 สำนักข่าวในกัมพูชา รายงานว่า กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้แถลงต่อสาธารณชนและสื่อมวลชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เกี่ยวกับความคืบหน้าล่าสุดของสถานการณ์ บริเวณชายแดนกัมพูชา-ไทย ดังนี้
    .
    1.ไม่มีการถอนทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่ที่อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของกัมพูชา และที่กองทัพกัมพูชายึดครองมาเป็นเวลานาน
    .
    2.การเตรียมกำลังทั้งหมดของกองทัพกัมพูชา รวมถึงการประจำการ การส่งกำลัง การปรับเปลี่ยน และการระดมกำลัง อยู่ภายใต้การปกครองอธิปไตยของกัมพูชา และมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมพร้อมในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชาเท่านั้น
    .
    3.กองทัพกัมพูชา สนับสนุนความพยายามในการหาแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติ แต่ก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ
    .
    4.กองทัพกัมพูชา พร้อมที่จะเข้ามาร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาเขตแดนกับไทย โดย เฉพาะคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) เพื่อสานต่อการทำงานวัดเขตแดนและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศ นอกเหนือจากประเด็นที่กัมพูชา จะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) พิจารณา
    .
    กระทรวงกลาโหมขอเรียกร้องให้เพื่อนร่วมชาติและสื่อมวลชน ทุกคนใช้เฉพาะข้อมูลจากทางการ จากรัฐบาลกัมพูชาและกระทรวงกลาโหม ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง แท้จริง และเชื่อถือได้
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://www.naewna.com/inter/890319
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/15heTu4LGD/
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    แก้ว รัตนัค รัฐมนตรีเหมืองและพลังงานกัมพูชา เมื่อวันพุธ(11มิ.ย.) ออกมาชี้แจงว่าปัจจุบันกัมพูชาไม่ได้นำเข้าไฟฟ้าจากไทย ป้อนเข้าสู่โครงข่ายแห่งชาติ พร้อมเน้นย้ำว่ากัมพูชามีอุปทานไฟฟ้าเพียงพอที่สามารถรองรับอุปทานภายในประเทศ ตามรายงานของเขมรไทม์ส
    .
    การออกมาชี้แจงครั้งนี้มีขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด ตามหลังมีคำเตือนมาจากกระทรวงการต่างประเทศของไทย ว่าพวกเขาอาจระงับการส่งออกไฟฟ้ามายังกัมพูชา หากว่าประเด็นต่างๆที่เกี่ยวข้องกับชายแดนยังคงไม่ได้รับการคลี่คลาย ในแนวทางที่เอื้ออำนวยแก่ไทย เว็บไซต์ข่าวเขมรไทม์สรายงาน
    .
    รายงานของเขมรไทม์ส ระบุว่า แก้ว รัตนัค เน้นย้ำว่าความเป็นเอกราชด้านพลังงานในปัจจุบันของกัมพูชา ต้องไม่ถูกบิดเบือนความจริงเพื่อบ่อนทำลายความสำคัญของการสนับสนุนกันและกันระหว่างกัมพูชาและไทย หรือทวีความตึงเครียดทวีภาคีให้หนักหน่วงขึ้น
    .
    รัฐมนตรีรายนี้กล่าวว่าความร่วมมือด้านไฟฟ้าข้ามชายแดนได้มอบผลประโยชน์ร่วมกัน และควรถูกมองในฐานะเป็นต้นแบบของความร่วมมือที่ก่อประโยชน์ร่วมกัน
    .
    เขากล่าวว่าบนพื้นฐานดังกล่าว การประชุมซัมมิตอาเซียนที่มีมาเลเซียเป็นเจ้าภาพ ได้หารือถึงแผนการต่างๆในการสถาปนาโครงการพลังงานอาเซียนแบบบูรณาการ ที่เชื่อมโยงอุปทานไฟฟ้าในหมู่รัฐสมาชิก
    .
    รัฐมนตรีรายนี้บอกต่อว่าในทั่วโลก การแบ่งปันอุปทานไฟฟ้าในหมู่ประเทศเพื่อนบ้านเป็นแนวทางปฏิบัติทั่วไปที่สามารถพบเห็นได้แม้แต่ในบรรดาประเทศพัฒนาแล้ว อย่างเช่นอเมริกากับแคนาดา และอื่นๆ
    .
    แก้ว รัตนัค เน้นย้ำพันธสัญญาที่แน่วแน่ของกัมพูชา ที่มีต่อความร่วมมือทางพลังงานในระดับภูมิภาค และสนับสนุนเป้าหมายการเชื่อมต่อของอาเซียน พร้อมกับสนับสนุนการเดินหน้าความร่วมมือระหว่างกัมพูชาและไทย เพื่อความรุ่งเรืองของทั้ง 2 ประเทศและประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ
    .
    (ที่มา:เขมรไทม์ส)
    -------------------------------
    แหล่งข่าว
    - https://mgronline.com/around/detail/9680000054992
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    https://www.facebook.com/share/p/1AbfA2ppSD/
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    223,211
    ค่าพลัง:
    +97,152
    มีค้อน! จีนส่งออกไหลซู่สู่อาเซียน ชดเชยที่ไปอเมริกาไม่ได้! ยอดส่งออกทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งยอดมาไทย/เวียดนาม/มาเลเซีย/อินโดนีเซีย⚠️⚠️⚠️
    ก็เห็นๆ ว่าจีนไม่กระทบเท่าไหร่ แต่เรานี่แหละกระเทือน!!!!!
    ยอดส่งออกของจีนมาอาเซียน ปาเข้าไป 5.13 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงสุดในประวัติศาสตร์ (; ตัวเลขเดือน พ.ค. 2025)

    ลองส่องยอดส่งออกที่ไปอเมริกา จะตำตาว่าลดลง-34.4%
    ฟาดสถิติลดลงหนักสุดตั้งแต่พีกๆ ของโควิด
    ขณะที่ยอดส่งออกรวมไปยังทุกประเทศ โตขึ้น✅+4.8%
    นั่นก็แปลว่าต้องไปบวกที่ไหนเยอะๆ เพื่อหักล้างของอเมริกาที่หดตัว หักจนเกินพอ!

    ยอดส่งออกมาไทย7.8 พันล้านดอลลาร์
    มาเวียดนาม1.45 หมื่นล้านดอลลาร์
    มามาเลฯ8.6 พันล้านดอลลาร์
    มาอินโดฯ6.8 พันล้านดอลลาร์
    เหล่านี้คือสถิติสูงสุดใหม่ทั้งนั้น

    แน่นอน ขณะที่ผู้ผลิตในอเมริกาได้ลืมตาอ้าปากขึ้น กลับกัน ผู้ผลิตของอาเซียนเหล่านี้ก็พะงาบๆ ล่ะ ร่อแร่เลย เจอจีนตีขนาดนี้

    อย่างไรก็ตาม มี "พิรุธ" ให้จับสังเกต
    เอ๊ะ ทำไมประเทศอาเซียนเหล่านี้ "นำเข้า" จากจีนมากขึ้นๆ และ "ส่งออก" ไปอเมริกามากขึ้นๆ
    มันเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกัน
    เริ่มมีความระแวงว่าใช้ลูกเล่น เปลี่ยน "ถิ่นกำเนิดสินค้า" หรือเปล่า
    จับอาบน้ำแต่งตัวใหม่ จากสินค้าจีน ก็กลายเป็นสินค้าอาเซียน ซึ่งส่งไปอเมริกาก็โดนกำแพงภาษีเบากว่าแยะ (ขณะนี้ อยู่ในช่วงผ่อนผัน ชาติอื่นๆ โดนกำแพงภาษี 10% ส่วนจีนโดน 30%)
    ก็ไม่รู้สินะ

    สรุปอาเซียนค้อนหรืออเมริกาค้อน

    แต่จีนแสยะยิ้ม
    ... น่ากลัวจริงๆ
    FB_IMG_1749697592175.jpg FB_IMG_1749697596557.jpg
    https://www.bloomberg.com/news/arti...ia-on-us-tariffs-citi-says?srnd=homepage-asia
    https://www.bloomberg.com/news/arti...wth-slows-in-may-despite-tariff-truce-with-us

    https://www.facebook.com/share/p/1CooJ7LF6b/
     

แชร์หน้านี้

Loading...