ช่วงนี้กระแสเรื่องการทรงเจ้าดังมาก มีบทความหนึ่งของลุงสิทธิ์ที่ได้ลงไว้ในเว็บหลวงปู่ดู่มาให้เพื่อนๆ สมาชิกเว็บพลังจิตพิจารณาดูครับ ประมาณปี ๒๕๓๑-๒๕๓๒ ญาติโยมที่ไปกราบนมัสการ “หลวงปู่ดู่” ที่ “วัดสะแก” จะพบว่ามีขันและพานที่ใช้ในพิธีรับขันธ์ ๕ วางเรียงต่อกันหลายแถวหลายชั้นจนท่วมศีรษะ คนจำนวนไม่น้อยที่ "เข้าพิธีรับขันธ์ ๕".. นัยว่าเป็นการเปิดรับกายทิพย์ของหลวงพ่อหลวงปู่ครูบาอาจารย์ต่าง ๆ บ้างก็อ้างว่าเป็นดวงวิญญาณบุรพกษัตริย์ไทยในอดีต หรือเทพเจ้าชั้นผู้ใหญ่ เพื่อเข้ามาคุ้มครองป้องกันภัย หรือเสริมชีวิตให้เกิดความเป็นสิริมงคล แต่แท้จริงแล้ว หลวงปู่ดู่ท่านให้ทัศนะไว้ว่า "ของหลอกลวงทั้งนั้น จะมีก็แต่วิญญาณชั้นต่ำที่มาอาศัยกินเครื่องเซ่น" หลวงปู่สอนมาโดยตลอดที่จะให้เราฝึกฝนอบรมจิตใจให้บริบูรณ์ด้วยสติสัมปชัญญะ แล้วด้วยเหตุใดคนเราจึงพากันยินดีปฏิบัติในทางตรงกันข้าม คือทำตัวเป็นคนพร่องสติสัมปชัญญะ โดยเชื้อเชิญให้สิ่งอื่นเข้ามาครอบงำกายใจของเราได้ ! หลวงปู่ต้องเสียเวลาไปไม่น้อยในแต่ละวัน ๆ กับการสงเคราะห์พวกที่เคยไปรับขันธ์แล้วเปลี่ยนใจ ต้องการเอาวิญญาณที่เรียกว่า “องค์เทพ” นั้นออกไป เพื่อคืนความเป็นไทแก่ตัว เพื่อให้ตัวเองสามารถควบคุมตนเองได้ดังเดิม มิใช่ อยู่ ๆ ก็จะร่ายรำหรือทำท่าแปลก ๆ พูดภาษาแปลก ๆ หรือมีอาการตัวสั่นงันงกออกมาโดยมิอาจต้านทานหรือยับยั้งตัวเองได้ นอกจากการแผ่เมตตาให้แก่ดวงวิญญาณที่มาสิงสู่ร่างเหล่านั้นออกไปแล้ว หลวงปู่ก็สอนให้รู้ว่าตัวผู้ (ป่วย) นั้นก็ต้องช่วยตัวเองด้วยการทำภาวนาเพิ่มสติสัมปชัญญะให้กับตัวเอง มิเช่นนั้นก็เหมือนประตูบ้านยังปิดไม่มิดชิด สิ่งแปลกปลอมก็อาจกลับเข้ามาใหม่ได้อีก หลวงปู่สอนว่าแค่ขันธ์ ๕ ของเราก็หนักมากอยู่แล้ว ยังจะหาเรื่องไปเอาขันธ์อื่น ๆ เข้ามาแบกอีก เห็นกองขันที่เขาเอามาทิ้งไว้ที่วัดก็ให้รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแทนหลวงปู่ แล้วไหนยังจะต้องไปรับมือกับบรรดาเจ้าสำนักที่สูญเสียผลประโยชน์อีก ที่อาฆาตแค้นหลวงปู่ที่ไปทำให้เขาเสียผลประโยชน์ จึงเจตนาทำคุณไสยหลวงปู่จากหลายที่หลายสำนัก บางครั้งหลวงปู่ก็ต้องพรมน้ำมนต์ไปโดยรอบกุฏิท่าน (เพื่อปัดเป่าคุณไสยที่ส่งมาจากสำนักทรงซึ่งมีรายได้จากการครอบขันธ์หรือรับขันธ์) พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า "เขาส่งของมา กะจะเอาเราให้ตาย" บัดนี้ สิ้น “หลวงปู่ดู่” แล้ว และถึงแม้ว่าเราจะเชื่อมั่นว่าหลวงปู่ยังคงให้ความคุ้มครองดูแลศิษย์ทั้งหลายอยู่ แต่เราเองก็ต้องไม่ประมาท ต้องรีบเร่งสร้างภูมิคุ้มกันขึ้นด้วยตนเอง เราไม่ควรคิดหรือมุ่งหวังที่จะพึ่งพาแต่วัตถุมงคลหลวงปู่ เพราะในช่วงที่เราขาดสติ แม้มีวัตถุมงคลใด ๆ ก็ตาม ของไม่ดีก็เข้ามาได้ง่าย ๆ สิ่งที่จะเป็นที่พึ่งคือศีลที่บริสุทธิ์ นั่นคือการปฏิบัติกาย วาจา ใจ ของเราเองให้ดีงาม ทำสติสัมปชัญญะของเราให้บริบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วอาศัยการเจริญเมตตาเป็นเกราะปราการ สรุปคือการเจริญภาวนาให้ได้ตลอดทุก ๆ อิริยาบถ เพื่อให้ได้หลักประกันความปลอดภัยและปลอดทุกข์ ดังที่เรียกว่า “ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม” ที่มา http://www.luangpordu.com/?cid=453342&f_action=forum_viewtopic&forum_id=41281&topic_id=144323